เมอร์เซเดส-เบนซ์ ชูไทยเป็น 1 ในยุทธ์ศาสตร์ยานยนต์ไฟฟ้า เสริมศักยภาพระดับโลกด้วยการเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ระดับภูมิภาคในไทย


ข่าวทั้งหมด : ��������������������� / เมอร์เซเดส-เบนซ์ ชูไทยเป็น 1 ในยุทธ์ศาสตร์ยานยนต์ไฟฟ้า เสริมศักยภาพระดับโลกด้วยการเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ระดับภูมิภาคในไทย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ชูไทยเป็น 1 ในยุทธ์ศาสตร์ยานยนต์ไฟฟ้า เสริมศักยภาพระดับโลกด้วยการเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ระดับภูมิภาคในไทย


ประเทศไทยถูกเลือกเป็น HUB ปักหลักฐานการผลิตแบตเตอรี่สมรรถนะสูงเพื่อรองรับ โครงการเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าในเครือข่ายการผลิตทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ ที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพในการผลิตสูง และโรงงานแห่งนี้ในไทยคือ 1 ใน 6 โรงงานระดับภูมิภาคที่มีศักยภาพสูงสุดใน 3 ทวีปทั่วโลก ตามยุทธ์ศาสตร์ เสริมศักยภาพด้านการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กรุงเทพฯ หากจะกล่าวถึงปัญหาหลักๆของ ผู้บริโภคที่จะเลือกใช้ เลือกหารถยนต์ใช้งานซักคัน ถ้าเป็นรถยนต์ปรกติทั่วไป คงมองไปที่รูปลักษณ์ สมรรถนะ ความชอบส่วนบุคคล และอรรถประโยชน์ใช้สอย แต่หากกล่าวถึงรถยนต์ EV หรือที่เรารู้จักกันในชื่อที่เป็นทางการว่า Electric Vehicle หรือรถยนต์ไฟฟ้า อุปทานของผู้ใช้รถมันจะมากกว่า การมองหารถยนต์ใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน

ถามว่าต้องการหรือไม่ รถยนต์ที่ใช้พลังงานราคาถูก รถยนต์ที่สามารถเดินทางได้อย่างราบรื่น เงียบ และไร้มลพิษ ใครๆก็คงชอบจุดเด่นตรงนี้ แต่ถ้ามองถึงความไม่เสถียรในเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัย การบำรุงรักษา และอนาคตที่หลายคนจรดๆจ้องๆว่า มันจะเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ จะเปลี่ยนไปอย่างไร และรถยนต์ไฟฟ้าใครจะทำกันจริงจัง โดยเฉพาะกับในประเทศไทย ประเทศที่มีรัฐบาลที่ ยังไม่สามารถกำหนดทิศทางที่เด่นชัดอย่างจริงจังในเรื่องของการขยับตัวของโลกยานยนต์ ที่วิวัฒนาการของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า กำลังจะก้าวเข้ามามีบทบาทอย่างสมบูรณ์แบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลายค่าย ยังยืนกรานกับการใช้รูปแบบเครื่องยนต์สันดาปภายในผสมกับการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ที่เรารู้จักกันมานานแล้วในชื่อ รถยนต์แบบ Hybrid Car ทั้งค่ายยุโรป ญี่ปุ่น และทั่วโลกปัจจุบันมีรถยนต์ไฮบริดวิ่งกันหลายล้านคัน

แต่ค่ายหนึ่งที่กล้าพูดว่า เราทำรถยนต์แบบ Hybrid Car Plugin Car และแน่นอนว่ารถยนต์ทั้งหมดของเรานั้น จะเรียกว่าเป็น EV Car หรือ Electric Car ก็สามารถยืนยันได้ นั่นคือ Mercedes Benz เพราะจากนวัตกรรมของ MB หลายรุ่นที่ผ่านมา แทบจะเรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ยังคงวางเครื่องยนต์ไว้ เพื่อสร้างความมั่นใจ และน่าจะเรียกได้ว่า พยายามจะเดินเกาะกระแสความต้องการของตลาดในประเทศไทยไปพร้อมๆกับการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่า ใช้ไปเถอะเจ้าแบตเตอรี่ที่ติดรถ Mercedes Benz อยู่นั้น บางวันหรือหลายๆท่าน ทั้งวันที่ขับรถอยู่ในเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพมหานคร แทบจะนับครั้งที่เครื่องยนต์ติดทำงานได้เลย

ก็เพราะว่าด้วยความที่เทคโนโลยีของ Mercedes Benz นั้น ในปัจจุบันรถยนต์ที่เป็น Plugin Hybrid แค่เอาปลั๊กเสียบไฟบ้านไว้ ตื่นเช้ามาขับรถมาทำงาน รถก็ใช้แต่มอเตอร์ขับเคลื่อน เครื่องยนต์ไม่ได้ติดซักนิด พอพักเที่ยง หรือเลิกงาน Office ขับรถไปจอดใน Shopping Mall นำรถไปจอดใน Mercedes Benz Charging Parking ก็ยังได้ชาร์ทไฟเข้ารถอีกโดยแทบจะไม่ได้ใช้เครื่องยนต์สันดาปให้ทำงานแต่อย่างใด เอาให้เท้าหนักๆ กดคันเร่งกันปรกติไม่มีประหยัด คำถามคือทั้งวันรถเครื่องยนต์ติดทำงานซักกี่ชั่วโมงต่อวัน


สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การยกเมฆ และที่เขียนมาถึงบรรทัดนี้ก้ไม่ได้อวย Mercedes Benz ว่ามันเป็นรถที่เลอค่า หรือว่าเป็นรถอันดับหนึ่งในใจแต่อย่างใด หากแต่ชอบในความชัดเจน ชอบในนวัตกรรมที่พร้อม และกล้าเอาออกมามอบให้สาธารณะ พร้อมกับการลงทุนอีกหลายสิ่งที่กำลังจะตามมา และหนึ่งในการสร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภคชาวไทย และเชื่อว่าน่าจะทำให้คนทั้งโลกเชื่อมั่นไปด้วย ก็คือการลงทุน ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในไทย โดยเป็นโรงงาน 1 ในโรงงาน 6 แห่งใน 3 ทวีป ที่พร้อมตอบสนองความต้องการในตลาดได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพโดย เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ และพันธมิตรในไทย คือ ธนบุรีประกอบรถยนต์ ได้สานต่อความร่วมมือกัน ด้วยการร่วมลงทุนกว่า 100 ล้านยูโร ยกระดับการผลิต ในไทยเพื่อรองรับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาค โดยเงินลงทุนนี้ จะใช้เพื่อขยายโรงงานรถยนต์และสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่ และจะสร้างงานใหม่อีกกว่า 300 ตำแหน่ง ณ ฐานการผลิตแห่งนี้

ไทยเทเลกราฟ ได้มีโอกาสเข้าร่วมในงาน แถลงข่าวและเริ่มต้นการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่สมรรถนะสูง สำหรับรถยนต์ Mercedes Benz โดยโรงงานประกอบแบตเตอรี่แห่งใหม่นี้ ถุกสร้างขึ้นในที่ตั้งเดียวกันกับโรงงานประกอบรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดิมที่ยังคงปฎิบัติงานอยู่

มร. มาร์คุส เชฟเฟอร์ กรรมการบริหาร รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ฝ่ายการผลิตและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ระบุว่า โครงการเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าในเครือข่ายการผลิตทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ที่มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการผลิตสูง กำลังก้าวรุดหน้าด้วยดีและรวดเร็วอย่างยิ่ง โดยหนึ่งในแผนงานตามกลยุทธ์ของเราคือการร่วมมือกับพันธมิตร อย่างธนบุรีประกอบรถยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมสู่อนาคตแห่งการสัญจรในประเทศไทยที่จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจากแนวคิดการผลิตแบตเตอรี่ของเราที่มีมาตรฐานเดียวกันและสามารถขยายต่อเติมได้ ทำให้เราเปิดสายการผลิตได้อย่างรวดเร็วในภูมิภาคใดๆ ก็ตามด้วยขนาดโรงงานที่เหมาะสม

เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์เดินหน้าเสริมศักยภาพด้านการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังตัดสินใจเดินกลยุทธ์เพื่อรองรับรูปแบบการสัญจรที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าซึ่งกำลังมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาค โดยนับจากนี้จนถึงปี 2563 ทางบริษัทฯ จะทุ่มเงินลงทุนรวมกว่า 100 ล้านยูโรเพื่อขยายการผลิตในไทยร่วมกับพันธมิตรในประเทศ คือ ธนบุรีประกอบรถยนต์ โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะใช้เพื่อขยายโรงงานรถยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบันและสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่แห่งใหม่ขึ้นในที่ตั้งเดียวกันเพื่อเป็นหลักประกันว่าโรงงานในไทยจะมีเทคโนโลยีอันล้ำหน้าไว้พร้อมสำหรับรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว (Battery Electric Vehicle – BEV) ที่ผลิตขึ้นที่นี่

โครงการเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าในเครือข่ายการผลิตทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ ที่มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการผลิตสูง กำลังก้าวรุดหน้าด้วยดีและรวดเร็วอย่างยิ่ง โดยหนึ่งในแผนงานตามกลยุทธ์ของเราคือการร่วมมือกับพันธมิตร อย่างธนบุรีประกอบรถยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมสู่อนาคตแห่งการสัญจรในประเทศไทยที่จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจากแนวคิดการผลิตแบตเตอรี่ของเราที่มีมาตรฐานเดียวกันและขยายต่อเติมได้ ทำให้เราเปิดสายการผลิตได้อย่างรวดเร็วในภูมิภาคใดๆ ก็ตามด้วย ขนาดโรงงานที่เหมาะสม โรงงานแบตเตอรี่ในประเทศไทยจะเสริมเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ทั่วโลกของเราให้มีโรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 6 แห่งใน 3 ทวีปมร. มาร์คุส เชฟเฟอร์ กรรมการบริหาร รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ฝ่ายการผลิตและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน กล่าว

ด้วยข้อดีของการผลิตที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและแนวคิดในการออกแบบโรงงาน แผนงานในการผลิตแบตเตอรี่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์จึงสามารถปรับขยายได้เพื่อให้เหมาะสมกับการสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะต่างๆ และเพื่อให้การดำเนินการตามแผนการผลิตเป็นไปด้วยความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับภาวะตลาดทั่วโลก


ดร. อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก และเป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยด้วยผลิตภัณฑ์และบริการมาตรฐานระดับโลก ก่อให้เกิดการลงทุน สร้างรายได้ให้กับประเทศ และนับเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศให้เติบโตก้าวหน้าทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม โดยขณะนี้ ทางบริษัทฯ ได้มีการขอขยายการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in Hybrid Electric Vehicles: PHEV) เป็นการตอบรับต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ที่มีเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่การพัฒนายานยนต์แห่งอนาคตและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องที่ใช้พลังงานไฟฟ้า แสดงให้เห็นว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ จากประเทศเยอรมนี ได้เล็งเห็นความสำคัญของประเทศไทย ในการเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นการยกระดับความสามารถคนไทยด้วยการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีที่เหนือกว่าการผลิตชิ้นส่วนทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และสามารถสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาชาติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ภายในปี 2565 บริษัทฯ จะผสานระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเข้ากับรถยนต์ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างทั่วถึง เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า อย่างน้อย 1 รุ่นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รถยนต์จากแบรนด์สมาร์ทไปจนถึงรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ รวมถึงบริษัทฯ กำลังวางแผนจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า  50 รุ่นย่อยอีกด้วย ในขณะเดียวกันเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังสนับสนุนการพัฒนารถยนต์ ปลั๊กอินไฮบริดและการแจ้งเกิดของระบบ 48 โวลท์ พร้อมด้วยรถยนต์รุ่นแรกในตระกูล EQ ซึ่งใช้ชื่อว่า EQC ที่จะเข้าสู่สายการผลิตในปี 2562 ที่เบรเมน ประเทศเยอรมนี ทั้งนี้ EQ เป็น แบรนด์เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ CASE ซึ่งประกอบด้วยเสาหลักเชิงกลยุทธ์ที่ผสานกันอย่างชาญฉลาด ได้แก่ การเชื่อมต่อ (Connected), การขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Autonomous), ความยืดหยุ่นในการใช้งาน (Shared & Services) และระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (Electric)


โรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งที่ 6 ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โรงงานแบตเตอรี่ในประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ทั่วโลกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ โดยจะผลิตเพื่อรองรับความต้องการในประเทศและเพื่อส่งออกเดมเลอร์ใช้เงินลงทุนรวมกว่า 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (กว่า 1 พันล้านยูโร) ในเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ดังกล่าว ซึ่งยังมีโรงงานทั้งในเยอรมนี สหรัฐอเมริกา และจีนอีกด้วย เครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่นี้จะตอบสนองความต้องการในตลาดอย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการผลิตรถยนต์ ซึ่งกลยุทธ์นี้จะทำให้มีเทคโนโลยีแบตเตอรี่อันทันสมัยจากศูนย์กลางการผลิตในแต่ละพื้นที่ ทั้งยุโรป จีน และสหรัฐอเมริกาไว้พร้อมรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ     เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นตามแผนงานรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ทั้งนี้ โรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยมีแผนจะเริ่มเดินสายการผลิตภายในปี 2562

เป็นที่แน่ชัดว่า การร่วมลงทุนในครั้งนี้ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ และธนบุรีประกอบรถยนต์ซึ่งเป็นพันธมิตรในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเพื่อการขยายโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้ศักยภาพการผลิตรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน ด้วยจำนวนรุ่นรถที่มากขึ้นในอนาคต

มร. ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะมอบ สิ่งที่ดีที่สุด” (THE BEST) ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า การลงทุนในครั้งนี้สะท้อนความเชื่อมั่นที่เรามีต่อศักยภาพของตลาดรถยนต์นั่งในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราทำตลาดอยู่ในปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างสูงจากกลุ่มลูกค้า และเราจะยังคงเดินหน้าเพิ่มความหลากหลายของรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง


ในปี 2560 เมอร์เซเดส-เบนซ์มียอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยจำนวนมากกว่า 14,000 คัน ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึงสองหลัก โดยรุ่นที่มียอดจำหน่ายสูงสุดประกอบด้วยรถยนต์ซีดานตระกูล E-Class, C-Class และ CLA ในปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทำตลาดรถยนต์ที่ประกอบภายในประเทศรวมทั้งหมด 9 รุ่น โดยรุ่นที่เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้ง C-Class, S-Class และ GLE ในเวอร์ชั่นปลั๊กอินไฮบริดที่เปิดตัวในช่วงต้นปี 2559 และล่าสุดคือรุ่น E 350e Avantgarde, E 350e Exclusive และ E 350e AMG Dynamic นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องมาตลอด 17 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2544

ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ส่งผลให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศไทยคือความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่งประเทศไทย และ ธนบุรีประกอบรถยนต์ ในฐานะผู้ดำเนินงานด้านการผลิตในประเทศไทย โดยที่ในปี 2560 เพียงปีเดียว ธนบุรีประกอบรถยนต์สามารถผลิตรถยนต์ให้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้มากกว่า 12,000 คัน ในปัจจุบันโรงงานแห่งนี้มีพนักงานกว่า  1,000 คน และคาดการณ์ว่าเมื่อโครงการลงทุนครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ โรงงานแห่งนี้จะสร้างงานเพิ่มขึ้นอีกกว่า 300 ตำแหน่ง โดยในจำนวนนี้จะเป็นการจ้างงานในส่วนของการผลิตแบตเตอรี่เกือบ 100 ตำแหน่ง


มร. อันเดรอัส เลทเนอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การขยายโรงงานและการผลิตแบตเตอรี่ที่จะเริ่มขึ้นในอนาคต ณ โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ นับเป็นการกระชับความร่วมมือกับธนบุรีประกอบรถยนต์ ให้แข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น และยังเป็นการเตรียมพร้อมของเมอร์เซเดส-เบนซ์สำหรับรูปแบบการสัญจรในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับพนักงานของเราที่จะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับหน้าที่ ความรับผิดชอบใหม่ๆ ที่ต้องใช้ทักษะความรู้ขั้นสูง เพื่อเตรียมพร้อมพวกเขาสำหรับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุด เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มบทบาทในภูมิภาคและสานต่อความร่วมมือกับพันธมิตรของเราในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ความร่วมมือทั้งกับธนบุรีประกอบรถยนต์ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา และกับหน่วยงานภาครัฐของไทยล้วนเป็นไปอย่างดีเยี่ยม โดยเราได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นในการดำเนินการผลิตของเราต่อไปให้ประสบความสำเร็จ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อให้มั่นใจได้ว่า รถยนต์ทุกคันที่ผลิตในเครือข่ายการผลิตทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานของแบรนด์ไม่ว่าจะผลิตจากฐานการผลิตแห่งใดก็ตาม โดยในช่วงของการเตรียมการเพื่อเริ่มผลิตรถยนต์รุ่นใหม่หรือใช้เทคโนโลยีใหม่ พนักงานในประเทศไทยจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทีมงานที่มีประสบการณ์สูงเพื่อให้พวกเขาคุ้นเคยกับกระบวนการผลิตใหม่ๆ เหล่านั้นด้วย

คุณวีระชัย เชาวน์ชาญกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด กล่าวว่า ธนบุรีประกอบรถยนต์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้มอบความไว้วางใจให้เราเป็นผู้ผลิตอย่างเป็นทางการในการตั้งโรงงาน       แห่งใหม่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ โรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่นี้จะตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 30 ไร่ ใกล้กับโรงงานประกอบรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปัจจุบัน โดยมีแผนจะเริ่มเดินสายการผลิตในช่วงต้นปี 2562 เราตระหนักเป็นอย่างดีว่าความรู้ความสามารถของพนักงานฝ่ายผลิต มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเครือข่ายการผลิตทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ ทั้งนี้ ด้วยคำยืนยันของเราที่ว่า เราเชื่อมั่นในตัวบุคลากร เครือข่าย และการผลิตที่ใช้ทักษะฝีมือขั้นสูงดังนั้นในช่วงของการเตรียมตัวเปิดสายการผลิต พนักงานในประเทศไทยจะได้รับการสร้างเสริมความรู้ความชำนาญในการผลิตและความรู้ทางเทคนิคสำหรับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เพื่อให้มั่นใจได้อย่าเต็มเปี่ยมว่าแบตเตอรี่จะมีคุณภาพได้มาตรฐานทัดเทียมกับ แหล่งผลิตอื่นๆ ทั่วโลก


เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ โอเปอเรชั่นส์ (Mercedes-Benz Cars Operations) เป็นผู้ดำเนินงานด้านการผลิตรถยนต์นั่ง ณ โรงงานกว่า 30 แห่งทั่วโลก โดยที่มี 3 แห่งกำลัง       อยู่ระหว่างการก่อตั้ง เครือข่ายการผลิตที่มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูงนี้มีพนักงานประมาณ 78,000 คน และมีศูนย์กลางการดำเนินงานที่ทำหน้าที่วางแผนการผลิต ออกแบบและทดสอบกระบวนการผลิต (TECFACTORY) ดำเนินการด้านโลจิสติกส์ และควบคุมคุณภาพ ในปีที่ผ่านมาเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ ผลิตรถยนต์นั่งภายใต้แบรนด์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ สมาร์ท รวมกว่า 2.4 ล้านคัน ซึ่งเป็นการสร้างสถิติใหม่เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน เครือข่ายดังกล่าวครอบคลุมทั้งสถาปัตยกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า     (รถยนต์คอมแพคท์) และขับเคลื่อนล้อหลัง (อาทิ S-Class, E-Class และ C-Class) ตลอดจนสถาปัตยกรรมรถยนต์อเนกประสงค์และรถยนต์สปอร์ต นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม      การผลิตระบบส่งกำลัง (เครื่องยนต์, ชุดเกียร์, เพลา และส่วนประกอบต่างๆ) โดยโรงงานต่างๆ ในกลุ่มการผลิตดังกล่าวจะตั้งอยู่รายล้อมโรงงานหลัก (Lead Plant) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความรู้ความเชี่ยวชาญสำหรับการเตรียมเดินเครื่องผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนการรับประกันคุณภาพ ในปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ มีความพร้อมสำหรับการสัญจรที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยได้สร้างศูนย์นวัตกรรมไฟฟ้า (Electro Hub) ขึ้นทั่วโลกเพื่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ภารกิจประจำวันจะเน้นการสร้างพัฒนาการและความเป็นเลิศด้านวิธีการผลิตอันทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้การผลิตรถยนต์ไฮเทคในอนาคตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เต็มไปด้วยความยืดหยุ่น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับมาตรฐานด้านคุณภาพที่ขึ้นชื่อของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นอกจากโรงงานผลิตที่เป็นของตนเองแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังสร้างพลังจากการร่วมมือกับพันธมิตรและใช้ขีดความสามารถของผู้รับดำเนินงานด้านการผลิตเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทฯ อีกด้วย


โรงงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ โดยการผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้วด้วยรุ่น W123 โรงงานแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายการผลิตทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ ในปัจจุบันการผลิต ณ โรงงานแห่งนี้มีพันธมิตรในประเทศไทย คือธนบุรีประกอบรถยนต์ รับหน้าที่ผู้ดำเนินงานทั้งการประกอบรถยนต์ งานตัวถัง และงานสี โดยรถยนต์ที่ดำเนินการผลิตอยู่ในปัจจุบันมีทั้งหมด 9 รุ่น ได้แก่ C-Class, E-Class, S-Class, GLE, GLA, CLA, GLC, GLC Coupé และ C-Class Coupé เฉพาะในปี 2560 เพียงปีเดียว ธนบุรีประกอบรถยนต์สามารถผลิตรถยนต์ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้มากถึง 12,000 คัน ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้มีพนักงานกว่า 1,000 คน

อมร วรมาลี / amornthaitelegraph@gmail.com



ขอขอบคุณ : เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)

แสดงความคิดเห็น


คำค้นหาทั่วไป


กีฬาแต้มเท่าผีไฮไลท์ พรีเมียร์ลีกพรีเมียร์ลีกแมนเชสเตอร์ เอฟเวอร์ตันบาร์เซโลน่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษอังกฤษพรีเมียร์ลีกคูตี้ชูมาเน่น้องเมยโดนซ้อมแฉ “น้องเมย”เตรียมทหารนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ มารีญาพันชีวิตสุดมันส์ วิ่งนักวิ่งไทย-เทศสิงห์เติมจี๊ด!ร่วมวิ่งแอดเวนเจอร์ ข่าวกีฬาย้อนหลังรอบโลกกีฬาก้าวสู่ปีที่ 7สุโขทัยมาราธอน 2017′วิ่งเพื่อมรดกโลกศึกวอลเลย์บอลปลื้มจิตร์-นุศราโตโยต้ามอเตอร์สปอร์ตกีฬาโปรอาร์มธงชัย ใจดี โชคชัยจีทีเอ็มมอเตอร์สปอร์ตไทยToyota Motorsportสายสปีดโคราชพิสูจน์ความเร็วซิ่งกระกาย สุดมันส์กลางเชียงใหม่Super Car GTMโตโยต้า ทีมไทยแลนด์เรซที่ 3 Division 1รถยนต์โตโยต้า86ศึก RAATศึกซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2017ซูเปอร์คาร์จีทีเอ็มสนามช้างไทยแลนด์ เรซซิ่งนักบิดมวยไชยาฟุตบอลเอเอฟซี คัพ 2017ถ่ายทอดสดฟุตบอลผลบอลสดเอเอฟซี ชิงชนะเลิศฟุตบอลสถิติเมืองทองบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเจลีกคู่แข่ง ACLเจลีกคัพข่าวกีฬา พรีเมียร์ลีก อังกฤษข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนกีฬาที่น่าสนใจ